ก่อนอื่นผมขออธิบายศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับ CPU ที่ควรรู้ก่อนนะครับ
- Core คือ แกนของ CPU เป็นเกือบทั้งหมดที่จำเป็นในการเป็น CPU ในสมัยก่อน CPU 1 ตัว จะมีแค่ 1 core แต่ตอนนี้เริ่มพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆโดยจับหลายๆ core มารวมอยู่ในชิพเดียว และคุณคงเคยได้ยินคำว่า "คอร์แท้ กับ คอร์เทียม" บางคนคิดว่า CPU ที่มีคอร์แท้จะมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่า คอร์เทียม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอยู่พอสมควร ผมจะอธิบายความหมายของคอร์แท้และคอร์เทียมให้ฟังนะครับ
คอร์แท้ นั่นก็คือ core ที่ผมให้ความหมายในข้างต้น ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตจะลดลงเหลือเพียง 22 nm จึงทำให้ CPU ตัวเดียวสามารถใส่ Core ได้มากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆก็คือ 1 คอร์แท้จะสามารถทำงานได้ทีละหนึ่งคำสั่งเปรียบได้กับ ถนนสายใหญ่หนึ่งสายที่มีรถพลุกพล่าน
คอร์เทียม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Hyper-Treading ได้คิดค้นจากทาง Intel ลักษณะคือมันจะทำการจำลอง core เพิ่่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว เพื่อที่จะสามารถรับคำสั่งต่างๆได้มากขึ้น และมีความเสถียรภาพมากจากเดิม ทั้งที่มีจำนวน core เท่าเดิม ซึ่งจะเปรียบได้กับ ถนนสายใหญ่ที่แบ่งเลน เช่น ถนน 1 สาย แบ่งเป็น 2 เลน รถก็จะเดินทางได้สะดวกขึ้นจากเดิมที่มีเพียงเลนเดียว
- Tread มักจะเกี่ยวข้องกับการรันโปรแกรม ปัจจุบันโปรแกรมจะทำงานชุดคำสั่งแบบขนาน ก็คือ Thread ปกติของ CPU จะทำงานได้แค่ 1 Thread ต่อ 1 Core ในเวลาเดียวกัน ส่วนคำว่า Hyper-Threading ของ Intel จะเป็นตัวจำลองให้ CPU Core สามารถทำงานได้ 2 Thread พร้อมกัน ผมขออธิบาย Hyper-Threading จากวีดีโอนี้เพื่อให้คุณรู้จักมากขึ้น
- Cache จะมีการทำงานเหมือนกับ RAM แต่จะอยู่ใน CPU และมีความเร็วเยอะกว่ามาก ท่านคงเคยสังเกตตัวย่อที่เขียนว่า L1 L2 L3 มันก็คือ Level ของ Cache นั่นเอง ซึ่ง L1 จะมีความเร๋็วมากที่สุดและเล็กที่สุด ส่วน L3 จะช้ากว่า แต่ออกแบบมาให้ทำงานที่หลากหลายกว่า เช่น สามารถใช้ร่วมกันระหว่าง Core ได้ ซึ่งปกติจะออกมาให้ L1 และ L2 เป็นของ Core ใคร Core มัน ถ้าท่านยัง งงๆ อยู่ ผมมีข้อเปรียบเทียบที่ฟังแล้วอาจเข้าใจขึ้นนะครับ คือ
RAM = โต๊ะ ยิ่งเยอะเท่าไรก็วางของได้มาก
HDD = ชั้นวางหนังสือ
L1 Data เหมือน Post-it จดได้น้อยแต่หาได้เร็ว
L2 เหมือน กระดาษ จดได้เยอะกว่า แต่หาได้ช้ากว่า
L3 เหมือน สมุดบันทึก จดได้เยอะมาก หาช้ามาก
เอาล่ะครับเราก็ได้รู้จักกับคำศัพท์ที่น่ารู้กันไปแล้วเรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า...อย่างแรกต้องขอบอกก่อนเลยว่า CPU Core i-sereis นั้นถูกออกแบบมาใช้เป็นชิพที่ทำงานได้กว้างมาก สามารถประมวลผลคำสั่งแบบขนานได้มากกว่ารุ่นก่อนๆ
ผมขอย้อนไปในอดีตที่ได้นำเอาเทคโนโลยีการแบ่งทรัพยากรที่เรียกว่า "Hyper-Treading(คอร์เทียม)"เคยเปิดตัวในสมัยชิพ Pentium 4 @3.06 GHz แต่เนื่องจากมีแอพพลิเคชั่นบางตัวเท่านั้นที่ถูกเขียนมาสำหรับ Hyper-Treading ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้รับสมรรถภาพเพิ่มขึ้นสักเท่าไร หลังจากนั้นเทคโนโลยีนี้ได้หายไป ต่อมาทาง intel ได้นำเทคโนโลยี Hyper-Treading มาใช้กับ CPU Core i-series ชิพตัวใหม่อีกครั้ง เพราะได้พัฒนาให้ CPU Core i-series มี Brandwith, ขนาดCache, การทำงานแบบขนาน
ถ้าจะกล่าวถึง CPU core i3, i5 และ i7 โดยจะแบ่งระดับกลุ่มผู้ใช้งาน จะแบ่งเป็น ระดับราคาถูก ราคากลาง ราคาแพงตามลำดับ แต่ในปัจจุบัน ทาง Intel ได้พัฒนาชิพ CPU Core i-series ทั้งหมด 4 generation อันได้แก่ Gen1 Gen2 Gen3 และ Gen4 ซึ่ง Generation เหล่านี้มีผลต่อความเร็วและประสิทธิภาพของ CPU อย่างมาก โดยเมื่อผมลองเปรียบเทียบคะแนน Benchmarks (อ้างอิงจาก http://www.cpubenchmark.net/cpu.php?cpu=Intel+Core+i7+975+%40+3.33GHz&id=841)
จะเห็นว่า Intel Core i7 975 @3.33 GHz มีคะแนนน้อยกว่า Intel Core i5 ถึงสามรุ่น ซึ่งเราสรุปได้ว่าถึงแม้ จะเป็น CPU ระดับ Core i7 ก็ไม่ได้ดีกว่า Core i5 เสมอไป ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับ Generation เพราะแต่ละ Gen ได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น แต่บางครั้งผลคะแนนก็ไม่ได้วัดผลได้ 100% บางครั้งประสิทธิภาพของ CPU ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้งานว่าเหมาะสมกับชิพตัวนั้นๆ ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น